วิโรจน์กล่าว. นอกจากวัคซีน AstraZeneca แล้ว ส. วิโรจน์ยังตั้งคำถามถึง การสั่งซื้อวัคซีน Sinovac ของรัฐบาล ที่แม้จะมีข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพที่ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์เดลตาได้ แต่รัฐบาลยังคงจะจัดซื้ออีก 28 ล้านโดส และต่อมาได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ซึ่งเชื่อว่าเป็นการอนุมัติให้จัดซื้อวัคซีน Sinovac เพิ่มเติมอีก 10. 9 ล้านโดส ด้วยวงเงินงบประมาณสูงถึง 6, 111. 412 ล้านบาท โดยคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายต่อโดสอยู่ที่ 560. 68 บาท. ทั้งเขามองว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดซื้อวัคซีน Sinovac ซึ่งเป็นวัคซีนที่ยังไม่มีงานวิจัยที่ทำอย่างเป็นระบบ ที่ยืนยันได้ว่ามีประสิทธิผล และมีความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อกลายพันธุ์ ไปแล้วถึง 18. 5 ล้านโดส ใช้งบประมาณที่เป็นเงินภาษีของประชาชนไปแล้วกว่า 10, 000 ล้านบาท และหากยังคงปล่อยปละให้รัฐบาลจัดซื้อวัคซีน Sinovac เพิ่มเติมอีก 10. 9 ล้านโดส ก็ต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มอีกกว่า 6, 000 ล้านบาท และหากจัดซื้อตามแผนการจัดหาเพิ่มเติมอีก 28 ล้านโดส ก็ต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มอีกกว่า 15, 000 ล้านบาท. "เพื่อความโปร่งใส และทำให้ประชาชนมั่นใจว่า การจัดซื้อวัคซีนของรัฐบาล มีความซื่อสัตย์สุจริต ปราศจากการทุจริต คอร์รัปชั่น ผมจึงได้ทำหนังสือ เพื่อยื่นความประสงค์ ในการขอหนังสือสัญญา และเอกสารทั้งหมดที่เป็นเงื่อนไขในการจัดหา การจัดซื้อ การส่งมอบ ราคา ตลอดจนข้อกำหนด และเงื่อนไขผูกพันต่างๆทั้งหมด ที่รัฐบาลได้ทำไว้กับทุกองค์กร ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา และจัดซื้อ วัคซีน AstraZeneca และวัคซีน Sinovac ในวันนี้" วิโรจน์สรุป..
คนที่ตอบคำถามนี้คืออันบัน พิลเลย์ (Anban Pillay) รองผู้อำนวยการสำนักสาธารณสุขแห่งชาติของแอฟริกาใต้ที่บอกกับสื่อท้องถิ่น Business Day ว่า "คำอธิบายที่เราได้รับว่าทำไมประเทศรายได้สูงต่างๆ ถึงได้ราคาที่ต่ำกว่าก็คือ พวกเขาลงทุน (การวิจัยและพัฒนา) ดังนั้นจึงได้ราคาส่วนลด" 7. เรายังไม่ทราบว่าสาเหตุใดราคาวัคซีน AstraZeneca ของไทยจึงมีราคาเท่ากับแอฟริกาใต้ แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าที่เราไม่ได้ส่วนลด ก็เพราะเราไม่มีส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนหรือไม่? 8. เมื่อมาดูที่ประเด็นนี้จะพบว่า สหภาพยุโรปมีความร่วมมือกับ AstraZeneca มาก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่เสียอีกและไม่ได้ร่วมมือกับบริษัทนี้แห่งเดียวเท่านั้น ผ่านโครงการต่างๆ เช่น IMI 9. ความริเริ่มนวัตกรรมเวชภัณฑ์ หรือ IMI เป็นความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรปกับอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ในสหภาพยุโรปเพื่อเร่งพัฒนายารุ่นใหม่ หนึ่งในโครงการที่ได้งบจากความร่วมมือนี้คือ EU-PEARL อันเป็นโครงการทดลองทางคลินิก เช่น การพัฒนาวัคซีนโควิดที่ AstraZeneca ร่วมในโครงการด้วย 10. AstraZeneca ยังได้รับเงินทุนจากรัฐบาลสหรัฐ 1, 000 ล้านเหรียญสหรัฐ (เกือบ 30, 000 ล้านบาท) ในการผลิตวัคซีนให้และทันทีที่ได้เงินรัฐบาลสหรัฐก็ดีลวัคซีนล่วงหน้ามาได้ 400 ล้านโดสทั้งๆ ที่ยังพัฒนาไม่แล้วเสร็จ (เดือนพฤษภาคม 2020) 11.