ตัวอย่างการพิมพ์การบ้านอริยสัจ4 เพื่อส่งในเว็บไซต์วิชชาราม () …ในบทความนี้มีการบ้านทั้งหมด 6 ตัวอย่าง โดยจะสรุปให้พอเข้าใจภาพรวมเนื้อหาในตัวอย่างต่าง ๆ ดังนี้ สู้กับความอ่อนเพลีย ( สุขภาพ) เมื่อต้องนอนน้อย ( ชีวิตประจำวัน) งานที่รีบเร่งและจำเป็นต้องทำ ( กิจกรรมการงาน) ทุกข์ของผู้หญิง ( สุขภาพ) ของชอบ ( อาหารการกิน) การศึกษาที่ไม่รู้จบ ( การเรียนรู้) นักศึกษาสามารถอ่านรายละเอียดของเนื้อหาเพิ่มเติมได้ด้านล่าง… ทุกข์: ทุกข์ใจเวลาอ่อนเพลียจากการนอนพักผ่อนน้อย สมุทัย(เหตุแห่งทุกข์): อยากนอนพักผ่อนให้เพียงพอตามอธิศีลที่ตั้งไว้ว่า "รู้เพียรรู้พักให้พอดีโดยนอนพัก 21. 00น. -05. "
เผยแพร่: 7 มี. ค. 2565 14:50 ปรับปรุง: 7 มี. 2565 14:50 โดย: สามารถ มังสัง พุทธศาสนาเป็นศาสนาประเภทอเทวนิยม (Atheism) คือ ศาสนาที่ไม่ได้สอนว่ามีผู้สร้าง (Creator) หรือพระเจ้า (God) ทำหน้าที่สร้างสรรพสัตว์และสรรพสิ่งขึ้นมา และดลบันดาลให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระองค์ เฉกเช่นศาสนาประเภทเทวนิยม (Theism) แต่พุทธศาสนาสอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากเหตุและดับไป เมื่อเหตุดับ ดังนั้นนักวิชาการศาสนาเปรียบเทียบบางท่าน จึงเรียกพุทธศาสนาว่าเป็นศาสนาแห่งเหตุผล จะเห็นได้ชัดเจนจากคำสอนที่ว่าด้วยอริยสัจ 4 คือ 1. ทุกข์ คือสภาวะที่ทำให้สังขารที่มีวิญญาณครองคือ สิ่งมีชีวิตที่ร่างกายและจิตใจ อันได้แก่คนและสัตว์ต้องเดือดร้อน ทั้งทางกายและทางใจ ทั้งยังทำให้สังขารที่ไม่มีวิญญาณครอง อันได้แก่วัตถุรวมไปถึงพืชซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตแต่ไม่มีจิตใจต้องเป็นทุกข์ เนื่องจากทนต่อกาลเวลาไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปลงและแตกดับเมื่อกาลเวลาผ่านไป 2. สมุทัย คือเหตุให้เกิดทุกข์ อันได้แก่ตัณหาและอุปาทานหรือความอยาก และการยึดมั่นถือมั่น เป็นต้น 3. นิโรธ คือความดับทุกข์ด้วยการทำให้เหตุแห่งทุกข์หมดไป 4. มรรค คือหนทางแห่งการดับทุกข์ ประกอบด้วยองค์หรือส่วนประกอบ 8 ประการคือ 4.
ก็เพราะว่าคนทั่วไปรู้จักแค่นั้น ก็ได้แค่นั้น อยู่ที่ว่าเขาจะรู้จักตรงไหน ยกตัวอย่างสายวิปัสสนาสายพองหนอ ยุบหนอ ดูลมหายใจที่ท้องพอง ท้องยุบ กำหนดให้รู้ว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นี่แหละ สายพองหนอฯ ก็เป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ ตามที่อธิบายการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานข้างต้น การเดินจงกรมก็ดี หรือการทำสมาธิก็ดี ก็เป็นวิปัสสนากรรมฐานได้เหมือนกัน หากเรามีหัวใจของวิปัสสนากรรมฐาน ก็เหมือนกับการปลอกมะม่วง เราจะปลอกด้วยมีดก็ได้หรือว่าเราจะปลอกด้วยอย่างอื่นก็ได้ ๑. รู้แจ้ง เห็นจริง ๒. ละความยึดมั่นถือมั่น ๓. วาง ๔. ถอน ๕. หลุด ๖. ไม่ไปยึดซ้ำ สรุปง่ายๆ ก็คือ ถอนการจมปลัก แล้วอะไรที่ทำให้ไปจมปลัก ก็คือยึดมั่นถือมั่น การยกวิปัสสนากรรมฐาน ท่านทั้งหลายยกอะไรมาพิจารณา? ให้ยก "กรรม" มาพิจารณา ตัวอย่าง เราฆ่าคนเราฆ่าทำไม? เพราะเราโกรธ เราโกรธทำไม? เพราะเราเคือง เราเคืองทำไม? เพราะทำให้สะเทือนใจเรา ยกอีกตัวอย่างเช่น เราหิว ทำไมถึงหิว? เพราะร่างกายต้องเผาผลาญ เราหิวเราจะต้องเอาอะไรมากิน? ก็ต้องกินข้าว ข้าวนี้เราต้องไปขโมยมา หรือว่าเราหุงเอง นี่แหละพิจารณาวิบากกรรมของตัว ต้นตอแห่งกรรม คือ สาเหตุแห่งทุกข์ และสาเหตุแห่งผล
จึงลองแยกชนิดวัตถุดิบก็มีถั่วเขียวซีกนึ่งสุก แป้งข้าวเหนียวต้มสุก มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้น น้ำตาล งาคั่ว เกลือ ทั้งหมดนี้เราชอบถั่วเขียวซีกนึ่งสุกนี่เอง!
ต้องรู้เดียงสา คือมีอายุตั้งแต่ ๗ ปีขึ้นไป ๒. ไม่เป็นโรคติดต่อ หรือโรคร้ายแรงเช่น โรคเรื้อน โรคฝีดาษ โรคกลาก โรคมงคร่อ หอบหืด ลมบ้าหมูและโรคที่สังคมรังเกียจอื่น ๆ ๓. ไม่เป็นผู้มีอวัยวะบกพร่อง หรือพิการ เช่น มือด้วน แขนด้วน ขาเป๋ ตาบอด หูหนวก เป็นใบ้ เป็นง่อย ๔. ไม่เป็นคนมีอวัยวะไม่สมประกอบ เช่น เตี้ยเกินไป สูงเกินไป คนคอพอก ๕. ไม่เป็นคนทุรพล เช่น แก่เกินไป ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ๖. ไม่เป็นคนมีพันธะ คือ คนที่บิดามารดาไม่อนุญาต คนมีหนี้สินล้นพ้นตัว ข้าราชการที่ไม่ได้รับอนุญาต ๗. ไม่เป็นคนเคยถูกลงอาญาหลวง เช่น คนถูกสักหมายโทษ คนถูกเฆี่ยนหลังลาย ๘. ไม่เป็นคนประทุษร้ายความสงบ เช่น เป็นโจรผู้ร้ายต้องอาญาแผ่นดิน ศีล ๑๐ สำหรับสามเณร สามเณร แปลว่า ผู้เป็นเชื้อสายแห่งสมณะ เมื่อเป็นสามเณรแล้ว ต้องถือศีล ๑๐ ข้อ ดังนี้ ๑. เว้นจากการฆ่าสัตว์ ทั้งมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน ๒. เว้นจากการลักทรัพย์ ฉ้อ โกง ตู่ หรือหยิบฉวยเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้อนุญาต ๓. เว้นจากเพศสัมพันธ์ หรือการเสพเมถุน ๔. เว้นจากการพูดเท็จ ๕. เว้นจากการเสพสุราเมรัย เครื่องดองของเมา ๖. เว้นจากการรับประทานอาหารในเวลาวิกาล คือตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่ ๗.