7 MB) รับข้อมูลเพื่อช่วยคุณตัดสินใจว่า Enterprise Agreement นั้นเหมาะกับองค์กรของคุณหรือไม่ (PDF, 1. 39 MB) อ่านภาพรวมของ Enterprise Agreement และรับลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม (PDF, 215 KB) เรียนรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของการลงทะเบียนเซิร์ฟเวอร์และคลาวด์ ดาวน์โหลดเนื้อหาสรุปของข้อบังคับสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ให้เป็นไปตามจริงของ Enterprise Agreement ประจำปี ดาวน์โหลดเอกสารที่เกี่ยวกับ Enterprise Agreement และ Enterprise Subscription Agreement
โปรแกรม ERP เป็นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีส่วนร่วมกับการทำงาน จัดการข้อมูล และระบบการทำงานต่าง ๆ ให้ง่ายขึ้น เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ส่งเสริมให้ธุรกิจทุกรูปแบบสามารถประสบความสำเร็จทัดเทียมกับธุรกิจใหญ่ ๆ ได้ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ธุรกิจพัฒนาไปในเส้นทางที่เติบโตได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ERP (Enterprise Resource Planning) คืออะไร? ERP ย่อมาจาก Enterprise Resource Planning คือ การวางแผนและบริหารจัดการทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กรโดยรวม ด้วยโปรแกรมเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลภายในองค์กร ทั้งด้านการเงิน การบัญชี การผลิต การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การขาย รวมถึงแผนกทรัพยากรมนุษย์ และแผนกอื่น ๆ ด้วย ส่งผลให้ข้อมูลต่าง ๆ เชื่อมถึงกันอัตโนมัติอย่างแม่นยำและเป็นระบบ ซึ่งส่งผลดีให้สามารถลดขั้นตอนและเวลา อีกทั้งยังเพิ่มให้การบริหารจัดการธุรกิจเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตัวอย่างฟังก์ชั่นของโปรแกรม ERP ERP มีความสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจ? โปรแกรม ERP นับเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่เหมาะสำหรับการทำธุรกิจในปัจจุบันเป็นอย่างมาก โดยมีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจหลายประการ ดังนี้ 1. จัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบและปลอดภัย โปรแกรม ERP เป็นโปรแกรมที่ทำงานด้วยเทคโนโลยี ส่งผลให้การจัดการข้อมูลต่าง ๆ มีความแม่นยำกว่าการจัดการข้อมูลด้วยมนุษย์ รวมถึงยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย มีการวางระบบมาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ข้อมูลได้ด้วย เนื่องจากโปรแกรมเหล่านี้จะมีการออกแบบให้กำหนดสิทธิ์เข้าถึงแก่พนักงานที่รับผิดชอบได้ และป้องกันไม่ให้คนที่ไม่มีสิทธิ์มาเข้าถึงข้อมูล ทำให้มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าข้อมูลจะไม่สูญหายหรือรั่วไหลออกไปนั่นเอง 2.
จัดการทำงานด้วยคำสั่งแบบอัตโนมัติ ERP เป็นโปรแกรมที่สำคัญต่อธุรกิจ เนื่องจากอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งการคำสั่งได้อย่างอัตโนมัติ โดยเฉพาะการดำเนินการเรื่องจัดทำเอกสารซื้อขายต่าง ๆ ซึ่งเชื่อมโยงกับรายละเอียดสินค้า ปริมาณสินค้าคงคลัง ผู้รับผิดชอบ วิธีการขนส่ง หรือเส้นทางต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้จะถูกดึงข้อมูลจากในระบบและประมวลผลแบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังจัดการได้อย่างถูกต้องและแม่นยำด้วย 3. เชื่อมต่อการทำงานของทุกแผนกให้ถึงกัน ด้วยการทำงานของโปรแกรม ERP ที่สามารถเชื่อมต่อและส่งข้อมูลของแผนกต่าง ๆ ในบริษัทให้ถึงกันได้ ทำให้แต่ละแผนกสามารถทำงานประสานผ่านโปรแกรมเดียว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างมาก ส่งผลให้การทำงานทั้งในและระหว่างแผนกเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ลดขั้นตอนการจัดทำเอกสารแบบออฟไลน์ ประหยัดเวลาในการดำเนินการไปได้มาก 4. ลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ อีกหนึ่งความสำคัญของโปรแกรม ERP คือ โปรแกรมนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจได้มาก เช่น ความเสี่ยงที่เกิดจากความผิดพลาดในการทำงานของมนุษย์ ทั้งการบันทึกข้อมูลผิดพลาด หรือการสื่อสารระหว่างแผนกได้ไม่ครบถ้วน เป็นต้น เมื่อความเสี่ยงเหล่านี้ลดน้อยลง ย่อมส่งผลให้ประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นอีกด้วย 5.
Connectivity ปัจจุบันเทคโนโลยีทำให้การเชื่อมต่อกันง่ายขึ้น เช่น การใช้ Wireless, Bluetooth, GPS ซึ่งได้พัฒนาไป มีความเร็วมากขึ้น และ สามารถเชื่อมต่อกับ AccessPoint มากขึ้น ทำให้สามารถกระจายสัญญาณได้ดีขึ้น เช่น 802. 11a และ 802. 11g 2. Advance Wireless: Voice & GPS การสื่อสารด้วยเสียงและ GPS โดยอาจใช้เชื่อมโยงไปยังคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนได้ แต่ข้อเสีย คือ ไม่สามารถใช้งานในสภาวะแวดล้อมบางอย่างได้ 3. Speech Recognition การสั่งงานด้วยเสียง ปัจจุบันได้พัฒนามากขึ้น เนื่องจาก ทำให้ผู้ใช้มีความสะดวกมากขึ้นรวมถึงใช้ในทางธุรกิจด้วย เช่น บริษัท intermec ได้พัฒนา Printer ให้สามารถสั่งงานทางเสียงได้ นอกจากนี้ยังมีการนำมาใช้ในการช่วยเหลือผู้พิการ รวมถึงนำมาประยุกต์ใช้กับการควบคุมระบบ Supply Chain อีกด้วย 4. Digital Imaging การประมวลผลภาพดิจิตอล เช่น ถ่ายบาร์โค้ด แล้วส่งเข้าบริษัทเพื่อบันทึก และจัดทำเป็นใบเสร็จออนไลน์ได้ 5. Portable Printing การพิมพ์แบบเคลื่อนที่ เป็นการใช้งานเครื่องพิมพ์แบบพกพาเพื่อให้ได้เอกสารอ้างอิง ทันทีเมื่อต้องการใช้งาน 6. 2D & other barcoding advances บาร์โค้ดสองมิติ หรือ Q Barcode จะช่วยให้บริษัทสามารถออกแบบให้เหมาะกับบริษัท หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ 7.
ลดส่วนงานที่ขึ้นต่อกัน ( Kill Dependencies) ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าระบบมันมีส่วนที่ dependency กันอย่างไร จึงจะทำให้คุณสามารถควบคุมมันได้ ต่อจากนั้นเริ่มออกแบบและสร้างระบบที่แยกการทำงานออกจากกันอย่างชัดเจน พยายามแยกทีมหรือคนที่ทำงานเพียงอย่างเดียวใน silo ของเขาออกมา โดยให้เพิ่มหน้าที่ความรับผิดชอบเข้าไป เพื่อให้ทีมสามารถทำงานแบบ End-to-End ได้ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากก็คือ เมื่อมีการใช้งานพวก 3-party แต่ก็สามารถลดปัญหาไปได้ด้วยการทำ Stub และ Mocking ดังนั้นสามารถสรุปได้ว่า Less Dependencies == Easier Testing 4. ให้เน้นเรื่อง MVP ( Minimum Viable Product) อยู่เสมอ สิ่งที่สำคัญก็คือ ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำไปแล้ว สามารถเพิ่มคุณค่าให้แก่ลูกค้าของคุณ ลองทำให้มัน work และทำการปรับปรุงสิ่งนั้นให้ดีขึ้นไปเสมอ แน่นอนว่ามันเป็นการเปลี่ยนวัฒนธรรมขององค์กร รวมทั้งรูปแบบของ requirement อีกด้วย ให้ความสนใจว่า DevOps นั่นคือ การทำงานตั้งแต่ขั้นตอนของ requirement จนไปถึง deploy ขึ้น production 5. ข้อควรระวัง DevOps มันจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างองค์กรของคุณมากนะ มันจะกระทบตั้งแต่ Technology และ Architecture ที่จะเลือกใช้กัน จะกระทบเรื่องการจ้างพนักงานเข้ามาทำงาน การจ่าย Bonus จะกระทบเกี่ยวกับบัญชี การเงิน ในเรื่องงบต่างๆ จะกระทบกับ Vendor และ Contract ต่างๆ และจะกระทบต่อวิธีการทำงาน ที่จะต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่อย่างเสมอ ตัวอย่างดังรูป 6.
บริการพัฒนาซอฟท์แวร์สำหรับองค์กรที่มุ่งเน้นให้ลูกค้าได้ชิ้นงานที่ใช้งานได้จริง เราแตกต่างและใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บความต้องการ จนถึงกระบวนการ การทำงานที่ให้ลูกค้าได้เห็นพัฒนาการของชิ้นงาน ตั้งแต่ต้นจนจบโครงการ ถ้าคุณต้องการทีมงานพัฒนาซอฟท์แวร์ ที่ไม่ได้เป็นเพียงนักพัฒนา แต่เป็นทีมที่พร้อมที่จะสร้างความแตกต่างและเข้าใจธุรกิจคุณ พายซอฟท์ คือคำตอบ! ที่พายซอฟท์ เรามีกระบวนการทำงาน ที่ใช้ทีมงานเข้าไปเรียนรู้ความต้อง การของลู กค้า ทำความเข้าใจปัญหา เก็บความต้องการก่อนนำเสนองาน เสมือนเราเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นๆ เพื่อที่เราจะสามารถเสนอ Solution ที่สามารถทำให้การทำงานของลูกค้ามีประสิทธิผลสูงสุดได้อย่างแท้จริง ในส่วนขั้นตอนการพัฒนาเรามีกระบวนการทำงานด้วย Agile Methodology ที่สามารถบริหารโครงการให้เสร็จตรงตามกรอบเวลา สามารถติดตามความเคลื่อนไหว และรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว The Differences We Make SHOW CASE
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เทรนด์เทคโนโลยีทางด้าน Data Center ถือว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก ด้วยแนวคิดใหม่ๆ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นแทบจะทุกวันเพื่อมาตอบโจทย์รูปแบบใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด และ Software-Defined Infrastructure หรือ SDI นี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแนวโน้มที่มาแรงมากสำหรับการทำ IT Transformation ภายในองค์กร ดังนั้นบทความนี้เราจึงจะมาทำความรู้จักเบื้องต้นกับ SDI กันนั่นเองครับ ทำไมการใช้ Hardware เป็นหลักสำหรับใช้งานภายใน Data Center จึงไม่เพียงพออีกต่อไป?
กำหนดสิ่งที่ต้องการทำให้สำเร็จว่าคืออะไร และทำไม สิ่งแรกที่สำคัญมากๆ คือ แสดงให้เห็นว่ามัน work นะ การอธิบายด้วย powerpoint หรือ presentation สวยๆ นั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย จนกว่าคุณจะลงมือทำมัน แล้วแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ทำไปมัน work นะ ต่อจากนั้นให้ทำการเปรียบเทียบระหว่างรูปแบบเก่าและรูปแบบใหม่ ว่าแบบใหม่มันดีอย่างไร และขัดแย้งกับรูปแบบเก่าอย่างไร เนื่องจาก คนส่วนใหญ่มักจะสนใจ เมื่อเห็นภาพและเข้าใจว่า สิ่งใหม่ๆ ที่จะทำนั้น มันมีประโยชน์ต่อเขาอย่างไร 2.
การดำเนินธุรกิจขององค์กรจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ที่มีประสิทธิภาพ แต่ปัญหาที่พบในปัจจุบันคือ การขาดความเชื่อมโยงระหว่าง IT กับ business ซึ่งเป็นผลให้เกิดความล้มเหลวของการใช้ระบบ IT ในองค์กรตามมา อาทิเช่น Enterprise Architecture (EA) คือ การบรูณาการ IT เข้ากับ business อย่างเป็นระบบตั้งแต่ในระดับ architecture ไปจนถึง roadmap ขององค์กร เพื่อขับดันให้องค์กรสามารถ ดำเนินการตามนโยบายและ business visions ที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ