กล้ามเนื้อหด กล้ามเนื้อหดทำหน้าที่ควบคุมการทำงานโดยเส้นประสาทพาราซิมพะเธ็ททิค เส้นใยของกล้ามเนื้อเรียบเรียงตัวกันในลักษณะวงกลม เมื่อหดตัวจะทำให้รูม่านตาหดตัวกล้ามเนื้อนี้ จะถูกกระตุ้นให้ทำงานเมื่อมีแสงสว่างเพื่อการควบคุมจำนวนแสงไม่ให้เข้าไปในตามากจนเกินไป ทั้งนี้ การหดตัวของรูม่านตามีประโยชน์ทำให้ภาพมีความคมชัดเจนในการมองภาพในระยะใกล้รูม่านตาจะหดตัว 2.
เยื่อบุทางด้านในของเปลือกตา มีลักษณะหนา และขุ่น มีเลือดมาเลี้ยงมากมายบริเวณนี้ จึงใช้ตรวจดูว่าผู้ป่วยซีดหรือไม่ 2. เยื่อบุตาซึ่งคาดอยู่ส่วนนอกของตาขาว จะเป็นแผ่นบางๆ ใส 3. แอ่งหรือรอยพับทางด้านบน และด้านล่าง มีลักษณะเป็นถุงเยื่อบุตา เกิดจากการพับของเยื่อบุตาด้านในเปลือกตา ชั้นเนื้อเยื่อของเยื่อบุตา 1. เยื่อบุด้านนอก เยื่อบุด้านนอก จะติดต่อกับเยื่อบุด้านนอกของกระจกตาโดยตลอดชั้นนี้มีต่อมขับเมือก และต่อมน้ำตา (Gland of Krause and Wolfring) ช่วยให้ความชุ่มชื่น และหล่อลื่นลูกตา นอกจากนั้น ยังทำให้กระจกตาเป็นผิวเรียบ และเชื่อว่าเป็นแหล่งอาหารของกระจกตาด้วย 2.
การทำงานของ ดวงตา เรารับสัญญาณปริมาณมากจากบริเวณรอบๆ ส่งสัญญาณไปที่สมองทำให้เราเห็นรูปร่าง สี องค์ประกอบและความเคลื่อนไหว เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการที่แสงส่องผ่านเลนส์ตา และส่งสัญญานผ่านเส้นประสาทตาไปยังสมองได้อย่างไร 1. แสงสะท้อนจากวัตถุเข้าสู่ดวงตาเรา 2. แสงวิ่งทะลุผ่านกระจกตา สู่รูม่านตา และทะลุผ่านเลนส์ตา 3. กระจกตาและเลนส์ตาจะเบี่ยงเบนแสงให้ตกที่จอประสาทตา 4. เซลล์จอประสาทตาจะเปลี่ยนลำแสงให้เป็นคลื่นไฟฟ้า 5. คลื่นไฟฟ้าจะวิ่งผ่านระบบประสาทของตาไปสู่สมอง 6.
59794 จำนวนผู้เข้าชม | บทความพิเศษ สนับสนุนบทความโดย โรงพยาบาลสัตว์เอ็น. พี.
กลไกการมองเห็นของดวงตา การมองเห็นของดวงตาเริ่มต้นจากแสงเดินทางผ่านกระจกตา (Cornea) รูม่านตา (Pupil) และเลนส์ตา (Lens) ไปรวมแสงที่จอประสาทตา (Retina) โดยมีศูนย์กลางของจุดรับแสงที่อยู่บนจอประสาทตาเรียกว่า จุดภาพชัด (Fovea) หลังจากนั้นจึงถ่ายทอดกระแสประสาท (neural signals) ไปตามเส้นประสาทตา (Optic nerve) และไปสู่สมองเพื่อแปลผลต่อไป โดยเลนส์ตาทำหน้าที่ในการปรับโฟกัส และรูม่านตาทำหน้าที่ในการปรับความสว่าง จอประสาทตา ประกอบด้วยเซลล์รับแสงอยู่ 2 ชนิด คือ แท่งเซลล์รูปกรวย (Cone Cells) มีประมาณ 4.